
หลังจากประสบความสำเร็จ จากรุ่น 150GS เป็นอย่างมาก ที่สร้างขึ้นจากพิมพ์เขียวคลาสสิกแบบเก่า จากรุ่นปี 1955 - 1962 " จุดเปลี่ยน " ของรถตระกูล GS ( Series- l ) ได้ทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ เครื่องยนต์ " ลูกสูบวิดน้ำมัน " ขนาด 160ซี.ซี.พร้อมสวิงอาร์มแบบใหม่ ได้รับการพัฒนาให้มีการเผาไหม้เดิมจาก 57x57 เป็น 58x60 มม. เมื่อทำงานร่วมกันกับชุดข้อเหวี่ยง ระบบลูกปืน รวมไปถึงระบบไหลเวียนไอเสีย จึงทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นสูง การทำงานของเครื่องยนต์ที่ไหลลื่นและทำงานได้นุ่มนวล และยังได้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา จากบอดี้เหล็กขึ้นรูปอวบอ้วนโมโนค็อก ถูกเรียกว่าเป็นศิลปะแขนง " วินเทจคลาสสิก " ถูกปรับโฉมใหม่ด้วย " โมเดิ้ลคลาสสิก " ซึ่งทั้งเพรียว เบาและดูเป็นรถสปอรด์มากว่าทุกคันที่ได้ทำการผลิตมาระบบ โช้คอัพหน้าแบบตะเกียบแขนเดี่ยวคานสวิง ก็ได้ถูกรวมชุดคอยล์สปริงเข้าไว้กับแกนไฮดรอลิก มันทำให้นุ่มขึ้น และปลอดภัยขึ้นอีกด้วย " จุดเด่น " ที่เป็นจุดขายเลยของรถรุ่นนี้ อยู่ที่กล่องเก็บของที่อยู่เหนือชุดแป้นไฟท้าย บ้านเราเรียกว่า " เก๊ะหลัง " แต่กลับเป็นจุดบอด ไปเมื่อใส่ของเต็มเก๊ะแล้ว ทำให้สมรรณนะในการทรงตัวลดน้อยลง น้ำหนักไปลงที่ด้านหลัง โรงงานได้รับฟังเสียงคนวิจารณ์ด้านนี้เลย เพิ่มทางเลือกไว้อีกรุ่นถัดมา ถูกเรียกว่า " จีเอส-เก๊ะหน้า " ( Series-ll )หน้าตามาพร้อมใหม่ พร้อมชุดหัวกะโหลกหน้ารีเซพ เน้นเรื่องงานออกแบบที่ผสมเข้ากับหลักอากาศพลศาตร์ ไมลล์รูปพัด นี่คือพลรวมงานของ Art-deco ที่ออกแบบรับกับชุดไฟท้ายทับทิมบนกรอบอะลูมิเนียม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไลน์การผลิต ของ " จีเอส-เก๊ะหลัง " ( Series-l ) แล้วยังคงมีการแบ่งไลน์การผลิตมาเป็น 2 ล๊อต " ท้ายกลม "เป็นงานบอดี้ขึ้นรูป ส่วนท้ายตีโป่งสโลปตามเส้นสันบั้นท้าย ส่วนล๊อตหลัง " ท้ายเหลี่ยม " ถูกแทนด้วยกรอบสันปั๊มขึ้นรูปเหลี่ยม เพื่อการติดตั้งแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น